สัมมนาและฝึกอบรม: ครม. เห็นชอบการแบ่งปันคาร์บอนเครดิตของป่าชุมชน
Seminars and Trainings
ตามยุทธศาสตร์ระยะยาวในการพัฒนาแบบปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่ำ (Long-Term Low GHG Emission Development Strategy) ประเทศไทยต้องเพิ่มแหล่งกักเก็บและดูดกลับก๊าซเรือนกระจกให้ได้ 120 MtCO2eqภายในปี ค.ศ. 2037 ภาครัฐจึงส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วม โดยดำเนินการผลักดันและขับเคลื่อนการปลูกป่าธรรมชาติและปลูกป่าเศรษฐกิจในพื้นที่ของรัฐ และแบ่งปันคาร์บอนเครดิต นอกจากนี้ รัฐยังมองเห็นโอกาสจึงขยายไปยังภาคประชาชนโดยเฉพาะอย่างยิ่งป่าชุมชนซึ่งมีศักยภาพและมีความพร้อมดำเนินการ ปัจจุบันประเทศไทยมีการจัดตั้งป่าชุมชนแล้ว 12,117 แห่งทั่วประเทศ รักษาพื้นที่ป่าได้ 6.64 ล้านไร่ หากดำเนินการทุกพื้นที่รวมกันคาดว่าจะสามารถกักเก็บก๊าซเรือนกระจกได้ราว 6.27 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี เพื่อสร้างแรงจูงใจให้เกิดการมีส่วนร่วมในการปลูก อนุรักษ์ และฟื้นฟูป่าชุมชนให้เป็นแหล่งกักเก็บคาร์บอน จึงได้ดำเนินการส่งเสริมให้เห็นประโยชน์ของป่าไม้ที่มากกว่าแค่มิติด้านสิ่งแวดล้อม แต่ยังมีประโยชน์ต่อในด้านประชาชน สังคม และเศรษฐกิจ ด้วยการผลักดันให้ป่าชุมชนสามารถซื้อขายคาร์บอนเครดิตได้ นับเป็นอีกหนึ่งก้าวที่สำคัญของประเทศ วันที่ 16 มีนาคม 2566 คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบออกกฎหมายอนุบัญญัติ ตามพระราชบัญญัติป่าชุมชน พ.ศ. 2562 จำนวน 4 ฉบับ เกี่ยวกับการใช้ประโยชน์จากไม้และใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าชุมชน การศึกษาค้นคว้า วิจัย ในป่าชุมชน การตรวจสอบและประเมินผลป่าชุมชน ตลอดจนการกำหนดสัดส่วนการแบ่งปันคาร์บอนเครดิต ซึ่งจะเป็นการส่งเสริมให้ภาคธุรกิจมีส่วนร่วมในการสนับสนุนป่าชุมชน รวมทั้งเพิ่มศักยภาพการดำเนินงานของป่าชุมชนในการกักเก็บคาร์บอนและกระตุ้นให้ภาคส่วนต่างๆ เข้ามาสนับสนุนชุมชนที่ดูแลรักษาป่าชุมชนให้มากขึ้นอันจะส่งผลให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกต่อไป